เมนู

อุบาสิกาบาลี


อรรถกถาวรรคที่ 7



อรรถกถาสูตรที่ 1


1. ประวัตินางสุชาดา เสนียธิดา1



อุบาสิกาบาลี สูตรที่ 1 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ด้วยบทว่า ปฐมํ สรณํ คจฺฉนฺตีนํ ท่านแสดงว่า ธิดาของเสนียะ
ชื่อสุชาดา เป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ดำรงอยู่ในสรณะก่อนคนอื่นทั้งหมด.
แม้นาง ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ บังเกิดใน
เรือนสกุล กรุงหังสวดี ต่อมา นางฟังธรรมกถาของพระศาสดา เห็น
พระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสิกาผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่า
พวกอุบาสิกาผู้ถึงสรณะก่อนอุบาสิกาทั้งปวง จึงทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป
ปรารถนาตำแหน่งนั้น. นางเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัป
บังเกิดในครอบครัวของกุฎุมพีชื่อเสนียะ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ก่อน
พระศาสดาของเราบังเกิด เจริญวัยแล้วได้ทำความปรารถนาไว้ ณ ต้นไทร
ต้นหนึ่งว่า ถ้านางไปมีเหย้าเรือนกะคนที่เสมอ ๆ กัน ได้บุตรชายใน
ท้องแรกจักทำพลีกรรมประจำปี. ความปรารถนาของนางก็สำเร็จ.
เมื่อพระมหาสัตว์ทรงทำทุกรกิริยาครบปีที่ 6 ในวันวิสาขปุณณมี
นางคิดว่า จักทำพลีกรรมแต่เช้าตรู่ จึงตื่นขึ้นเวลาใกล้รุ่งแห่งราตรี
แล้วใช้ให้เขารีดนมโค. เหล่าลูกโคก็ไม่ไป ถือเอาเต้านมของเหล่า

1. บาลีข้อ 152 เป็นเสนานีกุฏุมพี.

แม่โคนม. พอเอาภาชนะใหม่ ๆ เข้าไปรองใกล้นม หยาดน้ำมันก็ไหล
โดยธรรมดาของคน นางสุชาดาเห็นความอัศจรรย์นั้น ก็ถือเอาน้ำนม
ด้วยมือของตนเองใส่ภาชนะใหม่ เริ่มเคี่ยว. เมื่อข้าวมธุปายาสกำลังเคี่ยวอยู่
ฟองใหญ่ ๆ ก็ผุดขึ้นเวียนขวาไปรอบ ๆ. หยาดมธุปายาสสักหยดหนึ่งก็ไม่
กระเด็นออกข้างนอก. ท้าวมหาพรหมกั้นฉัตร. ท้าวโลกบาลทั้ง 4 ถือ
พระขรรค์ตั้งการรักษา. ท้าวสักกะรวบรวมฟืนติดไฟ. เหล่าเทวดานำโอชะ
ใน 4 ทวีปมาใส่ในข้าวมธุปายาสนั้น. ในวันนั้นนั่นเอง นางสุชาดา
เห็นข้ออัศจรรย์เหล่านี้ จึงเรียกนางปุณณทาสีมาสั่งว่า แม่ปุณณะ วันนี้
เทวดาของเราน่าเลื่อมใสเหลือเกิน ตลอดเวลาเท่านี้. ข้าไม่เคยเห็นความ
อัศจรรย์เห็นปานนี้เลย เจ้าจงรีบไปปฏิบัติเทวสถาน. นางปุณณทาสี
รับคำนางว่า ดีละแม่เจ้า ขมีขมันรีบไปยังโคนต้นไม้. ฝ่ายพระโพธิสัตว์
รอเวลาแสวงหาอาหาร ก็เสด็จไปประทับนั่ง ณ โคนต้นไม้แต่เช้าตรู่.
นางปุณณะเดินไปเพื่อจะปัดกวาดโคนต้นไม้ ก็มาบอกนางสุชาดาว่า
เทวดาประทับนั่งอยู่โคนต้นไม้แล้ว. นางสุชาดากล่าวว่า แม่มหาจำเริญ
ถ้าเจ้าพูดจริง เจ้าก็ไม่ต้องเป็นทาสีละ แล้วประดับเครื่องประดับทุกอย่าง
จัดข้าวมธุปายาสอย่างดีลงในถาดทองมีค่าแสนหนึ่ง เอาถาดทองอีกถาด
หนึ่งปิดแล้วหุ้มห่อด้วยผ้าขาว ห้อยพวงของหอมพวงมาลัยไว้รอบ ๆ ยก
ขึ้นเดินไป พบพระมหาบุรุษ ก็เกิดปีติอย่างแรง ก้มตัวลงตั้งแต่สถานที่ ๆ
พบ ปลงถาดลงจากศีรษะ เปิดออกแล้ววางข้าวมธุปายาสพร้อมทั้งถาดไว้
ในพระหัตถ์ของพระมหาบุรุษ ไหว้แล้วกล่าวว่า ขอมโนรถของท่านจง

สำเร็จเหมือนมโนรถของดิฉันที่สำเร็จแล้วเถิด แล้วก็หลีกไป.
พระโพธิสัตว์เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ทรงวางถาดทองไว้
ริมฝั่ง ลงสรงสนานแล้วเสด็จขึ้น ทรงปั้นเป็นก้อนได้ 49 ก้อน เสวยข้าว
มธุปายาสแล้ว ทรงลอยถาดทองลงในแม่น้ำ เสด็จขึ้นสู่โพธิมัณฑสถาน
ตามลำดับ ทรงบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ ประทับ ณ โพธิมัณฑสถาน
ล่วงไป 7 สัปดาห์ ทรงประกาศพระธรรมจักรอันประเสริฐ ณ ป่าอิสิ-
ปตนมิคทายวัน ทรงเห็นอุปนิสัยของเด็กชื่อยสะ บุตรของนางสุชาดา
จึงเสด็จไปประทับนั่ง ณ โคนไม้ต้นหนึ่ง. แม้ยสกุลบุตรเห็นนางบำเรอ
นอนเปิดร่างในลำดับต่อจากครึ่งราตรี เกิดความสลดใจพูดว่า วุ่นวาย
หนอ ขัดข้องหนอ
แล้วออกจากนิเวศน์เดินไปยังสำนักพระศาสดานอก
พระนคร ฟังธรรมเทศนาแล้วแทงตลอดมรรคผล 3. ขณะนั้น บิดา
ของเขาเดินตามรอยเขาไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทูลถามเรื่องของยสกุล-
บุตร. พระศาสดาทรงปกปิดยสกุลบุตรไว้ทรงแสดงธรรม จบเทศนา
เศรษฐีคฤหบดีก็ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล. ส่วนยสะบรรลุพระอรหัต.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะเขาว่า จงเป็นภิกษุมาเถิด. ทันใดนั้นนั่นเอง
เพศคฤหัสถ์ของเขาก็หายไป เขาได้เป็นผู้ทรงบาตรและจีวรสำเร็จด้วย
ฤทธิ์. แม้บิดาของท่านก็นิมนต์พระศาสดา. พระศาสดาทรงมีพระยสกุล-
บุตรเป็นปัจฉาสมณะ ติดตามไปข้างหลัง เสด็จไปเรือนของเศรษฐีนั้น
เสวยภัตตาหารเสร็จแล้ว ก็ทรงแสดงธรรมโปรด. จบเทศนา นางสุชาดา
มารดาและภริยาเก่าของพระยสะ ก็ดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล. ใน
วันนั้น นางสุชาดากันหญิงสะใภ้ ก็ดำรงอยู่ในเตวาจิกสรณะ คือถึงพระ-
พุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ครบ 3 เป็นสรณะ. นี้เป็นความย่อใน

เรื่องนั้น. ส่วนโดยพิสดาร เรื่องนี้มาแล้วในคัมภีร์ขันธกะ. ภายหลัง
ต่อมา พระศาสดาเมื่อทรงสถาปนาเหล่าอุบาสิกาไว้ในตำแหน่งต่าง ๆ
ตามลำดับ จึงทรงสถาปนาอุบาสิกาผู้นี้ไว้ในตำแหน่งเลตทัคคะเป็นเลิศกว่า
พวกอุบาสิกา ผู้ถึงสรณะ
แล.
จบอรรถกถาสูตรที่ 1

อรรถกถาสูตรที่ 2


2. ประวัตินางวิสาขามิคารมารดา



ในสูตรที่ 2 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ด้วยบทว่า ทายิกานํ ท่านแสดงว่า นางวิสาขามิคารมารดา
เป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ยินดียิ่งในการถวายทาน.
ดังได้สดับมานางวิสาขานั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่าปุทุมุตตระ
บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี ต่อมา กำลังฟังพระธรรมเทศนาของ
พระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสิกาผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่ง
เอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ยินดีในการถวายทาน จึงทำกุศลให้ยิ่ง
ยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น. นางเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์
ถึงแสนกัป ครั้งพระพุทธเจ้าพระนานร่า กัสสปะ บังเกิดเป็นราชธิดาองค์
น้องน้อยกว่าเขาทั้งหมด แห่งพระราชธิดาพี่น้อง 7 พระองค์ ในพระ-
ราชนิเวศน์ของพระเจ้ากิงกิ. ก็ครั้งนั้น พระราชธิดาพี่น้อง 7 พระองค์คือ
สมณี สมณคุตตา ภิกขุนี ภิกขุทาสิกา ธัมมา สุธัมมา และสังฆทาสี
ครบ 7. พระราชธิดาเหล่านั้น ในบัดนี้ [ครั้งพุทธกาล] คือพระเขมา